Friday, 15 November 2024

ตุ๊กตาขยิบตา โดย การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์

ในอยู่ครั้งหนึ่ง เจ้าชะตาหนึ่งอยากจะได้ตุ๊กตาเอาไปเฝ้าบ้าน และแจ้งว่า มีปัญหาเกี่ยวกับ “แฟนเก่า” ที่มีลักษณะคุกคาม ไม่ยอมเลิกราแต่โดยดี

เรื่องของความสัมพันธ์นั้น ส่วนตัวแล้วมองว่า การจะเลิกราหย่าร้าง การหมดรักหมดใคร่ ถึงที่สุดก็น่าจะเป็นสิ่งปกติ เพราะความรู้สึกไม่ใช่ของตายตัวแช่แข็ง และมีปัจจัยมากมายที่ทำให้คนเราเปลี่ยนแปลง

การเปลี่ยนแปลง ยังเป็นเรื่องปกติธรรมดา เป็นสัจธรรมของชีวิต แต่ว่าถ้าเปลี่ยนไม่พร้อมกัน และเกิดการข่มขู่ คุกคาม มีการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตผู้อื่นเกินไป ไม่ใช่เรื่องควรสนับสนุนแต่อย่างใด

ตอนที่เจ้าชะตามาปรึกษา จึงให้ความเห็นใจอยู่มาก แต่ก็ได้บอกไปเบื้องต้นว่า การจะแทรกแซงความคิด และการกระทำของมนุษย์แต่ละคนนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคนทุกคนมีฐานคิด มีอุปนิสัย มีพฤติกรรม ที่หล่อหลอมมาจนเป็นตัวตนของคนๆ นั้น

และจากใจจริง ไสยศาสตร์เป็นหนึ่งในเครื่องมือตัวเลือก แต่ก็เช่นเดียวกับกระบวนรักษาเยียวยาอื่นๆ บางครั้งก็ต้องติดตามผลกันไป ดูไป ใช้ระยะเวลาพอสมควรกว่าจะประสบความสำเร็จในการรักษา

เหมือนการหาแพทย์ หาหมอ การวินิจฉัยโรคออกมาอย่างนั้นอย่างนี้ ก็มีตั้งแต่การรักษาตามอาการ การพิจารณาโรคไปตามลำดับ การเปลี่ยนยา การใช้ผู้เชี่ยวชาญมาร่วมมากขึ้น จนถึงการผ่าตัด และใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเข้าช่วย ฯลฯ

ไสยศาสตร์ก็ไม่ได้เป็นยาครอบจักรวาลในทันทีทันใด และจะได้ผลมากน้อยเพียงใด ก็ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง สำคัญคือการรอพิสูจน์ผลลัพธ์ด้วยตนเอง

เจ้าชะตาบอกว่า ตอนนี้ไม่มีทางออกอื่น เพราะการจะให้เป็นเรื่องอื้อฉาวใหญ่โต ก็เกรงจะกระทบชีวิตมากไป แล้วใจก็ไม่อยากให้ผูกพันเวรกรรมกันมากไปกว่านี้ ขอให้จบให้ได้ ให้เขาออกไปจากชีวิตก็พอ หรืออย่างน้อย อย่าให้เขาเข้าบ้านได้อีก

ในที่สุด จึงได้ทำหุ่นให้ไปตัวหนึ่ง

เจ้าชะตาแจ้งมาหลังจากนั้นว่า ได้นำหุ่นไปจัดวางไว้บนชั้นข้างประตู (เป็นคอนโด) และตกแต่งด้วยของอื่นๆ รวมไปถึงต้นไม้ ดอกไม้ ให้ดูเหมือนหุ่นเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งประดับ มองเผินๆ ทั่วไปก็เหมือนตุ๊กตาของสะสมธรรมดาๆ

หุ่นตัวนั้น ภายนอกทำด้วยดินโพลิเมอร์ (Polymer clay) แต่ข้างในบรรจุมวลสารไว้ ประกอบด้วยยันต์คาถา สายสิญจน์ และบ้านเลขที่ของเจ้าชะตา

สิ่งที่น่าสนใจคือ วันแรกที่ได้หุ่นไป เจ้าชะตาตื่นขึ้นมากลางดึก แล้วรู้สึกว่ามีเสียงคนเดินอยู่ในห้อง

วันรุ่งขึ้น เจ้าชะตาก็รีบมาสอบถาม ตอนแรกนี่ก็คิดว่าแปลกดี แต่นึกรู้ขึ้นมาว่า หุ่นน่าจะส่งสัญญาณบอกให้รู้ว่า เขาอยู่ที่นั่นแล้ว จึงได้บอกเจ้าชะตาไปว่าไม่ต้องตกใจ โดยทั่วไป สิ่งที่เอาไว้ช่วยเหลือเจ้าของ จะไม่เป็นอันตรายแก่เจ้าของอย่างแน่นอน แล้วก็ถามว่า ตอนได้ยินเสียงรู้สึกกลัวไหม

เจ้าชะตาบอกว่า ไม่ได้กลัว แต่รู้สึกแปลกใจ ตอนแรกคิดว่าตนหูฝาด แต่ก็ไม่ใช่ เพราะตอนตกใจตื่นเพราะได้ยินเสียงนั้น ยังทันได้ยินเสียงเดินอยู่จริงๆ อีกครู่หนึ่ง

ถามเจ้าชะตาไปว่า แล้วรู้สึกอย่างไรอีกหลังจากนั้น

เจ้าชะตาตอบว่า ก็คิดแว่บขึ้นว่าหรือจะเป็นหุ่นตุ๊กตา แล้วก็เลยไม่ได้กลัว รู้สึกแอบอุ่นใจ จากนั้นก็หลับยาวไปถึงเช้า

จึงได้บอกไปว่า นั่นคือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เมื่อสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น แสดงถึงการมีอยู่ของ “พลังงานที่ดี” แล้วก็ให้รอดูเหตุการณ์ต่อไป

ถัดจากนั้นไม่นานนัก เจ้าชะตาก็ส่งข่าวว่า มีเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นอีกสองสามอย่าง

คือปกติแล้ว แฟนเก่ามักจะชอบโทรมาตอนเมาๆ ตอนดึก ถ้าไม่รับสายก็จะส่งมาเป็นข้อความด่าต่อ หรือโทรรัวๆ แต่ตั้งแต่ได้หุ่นมาไว้ที่บ้าน สายจากแฟนเก่าเงียบหายไป

แล้วได้ทราบความมาว่า โทรศัพท์มือถือของอีกฝ่ายหาย ทำให้ข้อมูลในโทรศัพท์สูญหายไปด้วย เมื่อเปลี่ยนมือถือใหม่ ได้ซิมใหม่ ก็เกิดเหตุโทรศัพท์หน้าจอแตกอีก จนวุ่นวายอยู่กับเรื่องมือถือแทบเป็นสัปดาห์

ตกวันหนึ่ง แฟนเก่าก็ขับรถจะมาหาที่คอนโด แล้วมีเหตุบังเอิญเกิดขึ้นอีก คือมีอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกันกับรถมอเตอร์ไซค์ สองฝ่ายไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่เสียเวลากันพักใหญ่ จนสุดท้าย ไปจบลงกันที่โรงพัก และแยกย้ายกันกลับบ้าน

ถัดจากนั้น แฟนเก่าก็จะมาหาอีก แต่เกิดรถเสียกลางทาง ต้องเรียกรถมายกไปเข้าศูนย์

สรุปคือ เวลาผ่านไปหลายสัปดาห์ แฟนเก่ามีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นในชีวิตต่างๆ นานา จนไม่ได้มาสร้างความวุ่นวายให้เจ้าชะตาเหมือนเคย

เจ้าชะตาเล่าว่า ตอนแรกก็ยังไม่ได้คิดอะไรกับเรื่องแรก (โทรศัพท์หาย) แต่มีเพื่อนที่รู้จักทั้งสองฝ่าย มาเปรยๆ ให้ฟังว่า สงสัย “แฟนเก่า” จะดวงตก เพราะเกิดเหตุเรื่องนั้นเรื่องนี้ จึงได้ทราบสถานการณ์ และเริ่มอดคิดไม่ได้ว่า เป็นเพราะตุ๊กตาหรือเปล่า

จนกระทั่ง ถึงวันหนึ่ง ที่แฟนเก่าไม่มาบ้านเจ้าชะตา แต่ไปที่ “บ้านแม่” ของเจ้าชะตาแทน

วันนั้น เจ้าชะตาได้รับโทรศัพท์จากแม่ว่า

แฟนเก่าไปหา และถึงกับร้องไห้คร่ำครวญว่าไม่อยากจะเลิกกัน ยอมรับสารภาพผิดทุกอย่างที่เคยทำไป (แฟนเก่าไปมีคนอื่นก่อน พอเจ้าชะตารู้จึงขอเลิก แต่แฟนเก่ากลับไม่ยอมเลิก จะคบทั้งสองทาง) แต่ว่า แม่ของเจ้าชะตาก็รู้ดีว่าลูกไม่เอาแล้ว พอได้จังหวะจึงรีบโทรมาบอก

ขณะกำลังคิดว่า จะทำอย่างไรดี เจ้าชะตาเป็นห่วงแม่ที่อยู่กับสามี (พ่อเลี้ยง) ซึ่งก็แก่แล้ว สุขภาพไม่ดี หากแฟนเก่าอาละวาด คนแก่สองคนก็คงรับมือไม่ได้

วางสายแม่ เจ้าชะตาก็หันรีหันขวาง แล้วหันไปเห็นหุ่นตุ๊กตาในห้อง สิ่งที่แปลกมากก็คือ เจ้าชะตารู้สึกว่าหุ่นขยิบตาให้

โทรศัพท์ดังมาอีกรอบ แม่บอกว่า จู่ๆ แฟนเก่าก็รับโทรศัพท์สายหนึ่ง แล้วรีบผลุนผลันออกจากบ้านไป

พ่อของแฟนเก่าลื่นล้มในบ้าน แต่ต่อมาก็ปลอดภัยดี ทว่า วันที่รับพ่อออกจากโรงพยาบาล กลับถึงบ้าน แฟนเก่าหกล้มตกบันได ขาแพลง ต้องได้เข้าเฝือกอีกเป็นเดือน

เรื่องราวหลังจากนั้น ก็มีความชุลมุนวุ่นวายในชีวิตแฟนเก่าอีกหลายอย่าง รวมทั้งบริษัทที่ทำงานประสบปัญหา มีการเปลี่ยนตัวผู้บริหาร มีการเลย์ออฟพนักงาน มีแรงกดดันอีกหลายระลอก จนในที่สุด ผู้หญิงคนหนึ่งก็เปิดตัวว่ากำลังตั้งครรภ์จากแฟนเก่า ครอบครัวจึงให้สมรสกันเสียอย่างเป็นทางการ และเรื่องการพัวพันกับเจ้าชะตาก็ยุติลง

ทั้งหมดนั้น กินเวลานานอยู่หลายเดือน แต่เป็นช่วงเวลายาวนานที่แฟนเก่าไม่เคยได้เข้ามาที่คอนโดของเจ้าชะตาอีก และสุดท้าย ชีวิตก็ห่างกันไป จบสิ้นบ่วงพันธะลง

เจ้าชะตาบอกมาว่า คิดว่าส่วนหนึ่ง น่าจะมาจากหุ่นตุ๊กตาที่ให้ไว้ และบอกว่า ภาพที่ตุ๊กตาขยิบตาให้วันนั้น ยังติดอยู่ในใจไม่วาย

ถามไปอีกครั้งว่า แล้วกลัวไหม

เจ้าชะตาก็บอกว่า ไม่นะ รู้สึกว่ามันเป็นโมเมนท์ที่รู้สึกงงๆ แต่ก็มาคิดย้อนหลังว่าทำให้เกิดความสบายใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

และเมื่อเหตุการณ์จบลงด้วยดี ก็ “ให้” ขนมน้องเป็นเค้กช็อกโกแล็ตชิ้นใหญ่ และคืนนั้นก็ฝันว่า มีผู้ชายหล่อมากมาบอกว่า “ขอบคุณนะครับ”